พัฒนา ขยาย และพัฒนาเมืองของคุณในเกมเอาชีวิตรอดในสังคมที่เกิดขึ้น 30 ปีหลังจากพายุหิมะทำลายล้างโลก ใน Frostpunk 2 คุณไม่เพียงต้องเผชิญกับอันตรายของฤดูหนาวที่ไม่มีวันสิ้นสุดเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับกลุ่มผู้มีอำนาจที่คอยเฝ้าดูทุกย่างก้าวของคุณภายในสภาอีกด้วย...
กลับมาต่อยอดกันอีกครั้ง กับค่ายเกมที่เรารัก 11 bit studios ที่รังสรรค์ผลงานดีๆมาอย่าง This war of Mine และ frostpunk ครั้งนี้เหมียวตากลมจะมารีวิว Frostpunk 2 หลังจากที่เพิ่งจัดจำหน่ายไปในวันที่ 21 กันยายน 2567
รับบทเพื่อบริหารเมืองหิมะอันหนาวเหน็บสุดขั้ว
คุณจะได้รับบทเป็น Steward บริหารเมือง New England ซึ่งเป็นเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีท่านผู้นำพาคนออกมาจาก England ขณะที่โลกเผชิญหน้ากับความหนาวสุดขั้วโลก (เหตุการณ์ใน Frostpunk ภาคแรก) จนทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองเดียวที่ยังคงอยู่รอด ในสถาณการณ์ที่ทั้งโลกเต็มไปด้วยสีขาวและอุณหภูมิติดลบ…เพราะเกิดพายุหิมะทำลายล้างโลก
ในเกม frostpunk คือ บริหารเมือง + เอาชีวิตรอด + หิมะ +ไซเบอร์พังค์
ในเกม frostpunk 2 คือ บริหารเมือง + เอาชีวิตรอด + หิมะ + ไซเบอร์พังค์ + สภา
การบริหารของ New England สิ่งที่สร้างความสนุกคือการบริหารทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็น อาหาร วัตถุดิบในการสร้างบ้านเมือง วัตถุดิบในการสร้างความร้อน เช่น ถ่านหิน หรือน้ำมัน เพื่อสร้างเมืองให้อยู่รอดจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะ Whiteout (พายุหิมะขนาดใหญ่ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสีขาวโพลน)
คุณต้องจัดผังบ้านเมืองให้ดี เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด และเสียผลประโยชน์น้อยสุด เช่นการวางแนวชุมชนที่อยู่อาศัยให้วางติดกับการเกษตร แทนที่จะไปใกล้กับเหมืองถ่านหิน เพื่อลดโอกาสการเกิดโรค การสร้างเตาความร้อนพื้นที่หนึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ข้างเคียงได้เพิ่มอุณหภูมิด้วย จึงควรวางผังให้ชิดๆกัน เป็นต้น

ระหว่างที่คุณกำลังก่อร่างสร้างเมืองอยู่ๆดี จะมีชาวเมืองมาเรียกร้อง ออกความเห็น หรือมาแจ้งข่าวต่างๆยื่นข้อเสนอ เวลาเกิดสิ่งต่างๆในเมือง คุณจะปฏิเสธหรือน้อมรับคำเรียกร้องก็ได้ แต่ทุกอย่างที่ตัดสินใจ จะมีผลตามมาเสมอ

เพราะว่าเราไม่ได้บริหารอยู่คนเดียว ในมหานคร New England นี้ ยังมีสภา ที่คานอำนาจระหว่างคนหลายกลุ่มในเมือง เช่น Faithkeeper , Newlondoner หรือ Frostkeeper พวกเขามีหลักการ และความสามารถในการดูแลคนหมู่มากแตกต่างกันไป กฎในเมืองหรือข้อบัญญัติร่างใหม่ จะเกิดขึ้นในสภา ทีเด็ดของ cyberpunk 2 นี้คือ การโหวตเสียงข้างมาก โดยเราสามารถชักจูง เชิญชวนผู้นำจากกลุ่มในสภา มาร่วมโหวตให้เราได้ โดยเสนอข้อแลกเปลี่ยนต่างๆ ที่พวกเขากลุ่มนั้นต้องการ หากเราคุมสภาไม่ได้ดี เสียงส่วนมากไม่ฟังเราแล้ว มีโอกาสที่จะถูกขับไล่ออกจากเมืองจบเกมได้เลย


นอกจากจะตึงเครียดกับเหล่าสภาแล้ว โลกแห่งความจริงคือเราต้องเผชิญหน้ากับสมรภูมิอันสุดหนาวเหน็บยังไม่จางหาย สิ่งที่ทำได้คือการวิจัยต่างๆ ที่มีหัวข้อให้วิจัยต่างๆมากมาย ไปสู่การพัฒนาสิ่งก่อสร้างให้เมืองรุ่งโรจน์

และแน่นอนว่ามหานคร New England ยังสามารถสร้างเมืองเพิ่มเติมได้อีก เพราะว่าทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องมีการออกไปหาทรัพยากรนอกแผนที่ของเมืองเพิ่มเติม เราจะต้องสร้างทีมสำรวจเมืองร้าง พบเจอกับกลุ่มคนที่ถูกทอดทิ้งให้สู้กับความหนาวเหน็บ หรืออาจจะเจอทรัพยากรดีๆเพื่อให้เราเก็บมาพัฒนาต่อ หรือพัฒนาเมืองร้างให้เป็นอีกเมือง เพื่อเก็บทรัพยากรระยะยาว ทั้งนี้ทุกอย่างแลกมากับความเสี่ยง คณะสำรวจอาจจะหายไป ตาย ติดเชื้อกลับมา ก็เป็นไปได้

สรุป Frostpunk 2
เป็นเกมบริหารบ้านเมืองที่พัฒนาต่อยอดมาจากเกมเดิมได้ดี ใส่รายละเอียดความสมจริงในการบริหารเมืองที่แหวกแนวจากเกมอื่นด้วยการใส่การเมือง ดราม่ามาอย่างจัดเต็ม รวมถึงยังคงเป็นเกมสู้ชีวิตพิชิตความหนาวเหมือนภาคเดิมที่ต้องบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
ข้อจำกัด
- ภาษาอังกฤษค่อนข้างยาก (เปิดดิคแปลบ่อยมาก ตอนเล่นเกมรอบแรก ) ใครไม่ไหว สามารถใช้ google translate ถ่ายรูปแปลเลยก็ได้ เกมนี้จะสนุกขึ้นมาก ถ้าเราเข้าใจเนื้อเรื่อง ปัญหา การถกเถียงกันของชาวเมืองแต่ละกลุ่ม
- รายละเอียดซับซ้อนมาก คงเพราะว่าเป็นภาค 2 ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมา ทำให้ Frostpunk 2 มีรายละเอียดปลีกย่อยมาก เวลาเล่นรอบแรก ให้ใจเย็นๆแล้วกดตัว T ที่ไอคอนต่างๆในการแสดงผลที่ไม่เข้าใจ เพื่อเปิด tutorial (คู่มือการเล่นเกม) ดูนะ
ซื้อ Frostpunk 2 ดีไหม
- คนที่เคยเล่น Frostpunk แล้วชอบอยู่แล้ว แนะนำซื้อ !
- คนที่ชอบ RTS ที่ชอบแนวเอาตัวรอด การเมือง ดราม่าที่มีเวลาเล่น 10+ ชั่วโมง แนะนำซื้อ !