แนวคิดของคนอยากรวย จนตอนนี้เป็นเศรษฐีแล้ว (ดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร)

จากการดูสัมภาษณ์ ของคุณ ดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร จากเว็บแดง เลยได้วลีเด็ดๆ และแนวคิดเจ๋ง ๆ มาขอสรุปดังต่อไปนี้

ต้นฉบับ

  1. มีความคิดว่าอยากรวย มี Mindset ว่า มีเงินเยอะๆ แล้วชีวิตจะดีกว่า ชีวิตจะลำบากมากถ้าไม่มีเงิน
  2. หัดลองทำธุรกิจตั้งแต่ยังเด็ก
  3. รู้จักลงทุน

วิธีเพิ่มเงิน มี 2 ทาง

  1. ประหยัด แปลว่า ใช้ให้น้อยกว่าที่หามาได้
  2. หารายได้เพิ่ม

คนส่วนใหญ่จะพบปัญหาคือ เงินเก็บ เงินลงทุนน้อย ทำให้คิดว่ารวยได้ช้า วิธีการของคุณดิว คือ เราต้องใจแข็ง ยอมตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เช่น

  • ตัดสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตออก เช่น จากเดิม เช่าห้อง 5,000 บาท/เดือน เป็นหาห้องเช่าที่ถูกกว่าแม้ว่าจะต้องเดินทางไกลหน่อย เป็น 3,500 บาท/เดือนแทน (เก็บเงินได้เพิ่มอีก 1,500 บาท)
  • เงินที่ส่งให้ทางบ้าน อาจจะต้องแข็งใจส่งน้อยลง ส่งเฉพาะที่สำคัญ รวมถึงต้องแจ้งคนที่บ้านด้วย ว่าต้องช่วยกันหาเงินเพิ่ม ไม่ใช่มีเราแค่คนเดียวที่เป็น เดอะแบก เช่น ส่งเงินให้น้องเรียน น้องก็ต้องหางานทำส่งตัวเองเรียนเพิ่มด้วย เป็นต้น

ปัญหาอีกอย่างที่เราพบกันวัยทำงานคือ รายจ่ายกระเถิบตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น (Money Inflation) เช่น เงินเดือน 20,000 บาท ใช้มือถือสี่ปีเปลี่ยนที แต่พอรายได้ขึ้นไป 50,000 บาท ก็อยากเปลี่ยนมือถือใหม่ทุกปี อยากได้ที่อยู่สบายขึ้น

สิ่งที่น่ากลัวต่อมาคือ การผ่อน สมัยก่อนเรามีตัวเลือกที่ต้องผ่อนได้ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นของชิ้นใหญ่จริงๆ เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่เดี๋ยวนี้ เราผ่อนสินค้าได้ทุกอย่างเลย ทำให้ติดกับดักเรื่องรายจ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และใช้ของแพงเกินราคาจริงไปมาก คุณดิวเลยเสนอ “อะไรที่ยังไม่พร้อม อย่าไปซื้อ”

“อะไรที่ยังไม่พร้อม อย่าไปซื้อ” เราอาจจะคิดว่าเป็นการเข้าสังคม ชีวิตคนเรามักอยากจะดูดี มีของให้สมฐานะ จะได้รู้สึกสบายใจกลมกลืนไปกับสังคมที่เราอยากอยู่ แต่คุณดิวเสนอว่า “สังคมที่ทำให้เราลำบาก ไม่ต้องมีก็ได้ไหม” (อันนี้ ฟังแล้วจุกมาก) ต้องเข้าใจว่า คนไทยมีค่านิยมคบคนที่สิ่งของที่เขามีจริงๆ โดยเฉพาะ บ้านและรถ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากว่าเราไม่มี เพราะจะโดนสังคมทักมาเรื่อยๆ ตามกระแสนิยม ที่ดูคนที่บ้านและรถ ใครทำตามกระแสก็เลยจะต้องแบกหนี้ไปยาวๆ

เพราะฉะนั้น ตอนนี้เรายังไม่รวย เราควรจะใช้ชีวิตแบบเน้นประหยัดไว้ก่อน แล้วนำเงินที่ได้จากการออมไปลงทุนเพิ่ม แล้วนำเงินที่ได้จากการลงทุนมาใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยคุณดิวยกตัวอย่างเป็นรถคันหรูที่เขามี เขาคุยกับไฟแนนซ์ขอผ่อนรถน้อยๆ วางเงินดาวน์ไว้ส่วนหนึ่ง แล้วนำเงินก้อนที่ซื้อรถได้ทั้งคัน (น่าจะมากกว่ามูลค่ารถเยอะ) ไปลงทุนในตลาดหุ้น นำปันผลที่ได้จากการถือหุ้น มาจ่ายค่าผ่อนรถในแต่ละเดือน เท่ากับว่ารถที่ได้มาฟรี (เพราะไม่เสียค่าจ่ายผ่อนรถเลย เงินที่น่าจะใช้จ่ายค่ารถ เอาไปลงทุนได้ปันผลจ่ายให้แล้ว) -> ตัวอย่างค่อนข้าง Extreme มาก แต่ต้องเข้าใจว่า คุณดิว ก็ใช้ชีวิตประหยัดแบบ Extreme เช่นกันในช่วงวัยเริ่มทำงานใหม่ๆ เลยทำให้มีเงินก้อนลงทุนได้เร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *