การเล่นเกมทำให้คุณเพลิดเพลิน แต่ถ้าเล่นมากเกินกว่าการเล่นเพื่อผ่อนคลายล่ะ มันจะเกินไปไหม และถ้าติดแล้วจะเป็นยังไง นี่เป็นคำถามเอาไว้สอบถามมการเล่นเกมของคุณ
แม้ว่าเกมจะอยู่กับเรามาเกือบ 50 ปีแล้ว การเรียนรู้ถึงอันตรายของมันยังคงเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น มีหลากหลายกลุ่มที่ให้ข้อสรุปกี่ยวกับปัญหาการเล่นเกมที่เรียกว่า “การติดเกม”
ทั้งนี้ WHO (the World Health Organization) ได้เพิ่ม “ความผิดปกติของการเล่นเกม” ในเวอร์ชั่นปี 2018 ของตำราโรคทางการแพทย์ แต่คู่มือของสมาคมจิตเวชศาสตร์อเมริกัน ที่ชื่อ DSM-5 ไม่ค่อยเห็นด้วยกับอาการนี้ (ก็คิดว่า มันเป็นเพียงแค่ กิจกรรม ที่อยู่ในรายชื่อว่ามีโอกาสเสพติดเฉยๆ)
สัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง
DSM-5 ได้สรุปข้อควรระวังเพื่อช่วยให้หมอและประชาชนรู้ถึง สัญญาณอันตรายของการเล่นเกม ปัญหานี้จะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะเล่นออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม
นี่คือสิ่งที่คุณควรสังเกตดูตนเองหรือคนใกล้ตัวของคุณ – แฟน ,เด็ก หรือ เพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งต้องมีมากกว่าหรือเท่ากับ 5 อย่างใน 1 ปีที่มีปัญหานี้ ตามเกณฑ์ของ DSM-5
- คิดถึงเรื่องเกมตลอดเวลา
- รู้สึกแย่ถ้าไม่ได้เล่นเกม
- อยากจะใช้เวลาเล่นให้นานมากขึ้น
- ไม่สามารถออกหรือเล่นให้น้อยลงได้
- ไม่ต้องการทำในสิ่งที่เคยชอบทำอยู่แล้ว
- มีปัญหากับที่ทำงาน โรงเรียน หรือที่บ้านเพราะเล่นเกม
- โกหกคนใกล้ชิดเกี่ยวกับเวลาที่ใช้เล่นเกม
- ใช้เกมเพื่อขจัดอารมณ์หรือความรู้สึกแย่ๆ
แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนที่เล่นเกมเยอะแล้วจะมีปัญหาเกี่ยวกับเกม ผู้เชี่ยวชาญบางคนพูดว่ามันอันตรายที่จะไปติดป้ายคนที่อาจจะแค่เล่นเพื่อความบันเทิง สิ่งหนึ่งที่พวกเขาควรจะเห็นด้วยคือ เปอร์เซ็นต์ของผู้เล่นที่พบว่ามีเกณฑ์ครบว่าติดเกมนั้น ยังอยู่ในกลุ่มน้อย ประมาณว่ามีประมาณ 1-9% ในบรรดาผู้เล่นเกมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ (ส่วนใหญ่มันพบในเด็กผู้ชาย , ผู้ชาย มากกว่าผู้หญิงหรือเด็กหญิง)

คำแนะนำ
มันอาจจะช่วยให้คุณเริ่มต้นถามตัวเองในไม่กี่คำถาม ดังต่อไปนี้
- คุณคิดว่าเกมเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคุณหรือเปล่า เกมเหมือนความสัมพันธ์ ,อาชีพ หรือการไปโรงเรียนไหม
- คุณรู้สึกเหมือนว่ากำลังข้ามเส้นระหว่างรักที่จะเล่นหรือจำเป็นต้องเล่นหรือเปล่า
- คุณรู้สึกว่าการเล่นเกมเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาในชีวิตหรือเปล่า เหมือนกับว่าจะเป็นซึมเศร้าใช่ไหม
มันอาจจะยากที่จะเห็นปัญหาในตัวคุณเอง การใช้เวลาเล่นเกมดูเหมือนจะโอเคสำหรับคุณ ถ้าคนรอบตัวบอกว่าคุณเล่นเกมเยอะไปนะ คุณควรที่จะคิดทบทวนเรื่องการใช้เวลาเสียหน่อยแล้ว
ถ้าคุณมีพ่อแม่ที่กังวลเกี่ยวกับเวลาการเล่นเกมของเด็กๆ ควรสังเกตว่าพวกเขาทำอะไรบ้างที่โรงเรียน อยู่กับเพื่อนเป็นอย่างไรบ้าง ได้เกรดดีและไม่ทะเลาะกับที่บ้าน ถือว่าเป็นสัญญาณว่า การเล่นเกมไม่น่าจะใช่ปัญหา
ขอความช่วยเหลือ
ควรขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตบำบัด หรือหมอเด็ก ถ้าบุคคลที่คุณกังวลซึ่งอาจจะเป็นลูกๆของคุณ ทันทีที่คุณคิดว่าการใช้เวลาเล่นเกมมันไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว
การศึกษาเกี่ยวกับการติดเกมยังคงอยู่ในช่วงต้น การรักษาที่ช่วยได้วิธีหนึ่งเรียกว่า CBT (cognitive behavioral therapy การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม) การให้คำปรึกษาด้านจิตใจจะช่วยให้คุณรุ้ว่าจะพอช่วยกันปรับพฤติกรรมการเล่นเกมอย่างไร
ถ้าคุณเป็นพ่อแม่เด็กติดเกม นักบำบัดจะช่วยให้คุณรู้วิธีการจำกัดเวลาการเล่นอย่างไร มันอาจจะยากที่จะพูดว่าไม่ หนึ่งในวิจัยบอกว่าพ่อแม่ที่มีส่วนในการรักษาจะทำให้การติดเกมนั้นดีขึ้น
การป้องกันปัญหาการติดเกม
จำกัดเวลาในการเล่นเกมให้อยู่ในเวลาที่ควบคุมได้ โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้ :
- จำกัดเวลาเล่นอย่างเข้มงวด
- นำมือถือและอุปกรณ์เล่นเกมอื่นๆออกจากห้องนอน จะได้ไม่นำมาเล่นช่วงกลางคืน
- ทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง ทุกๆวัน รวมถึงการออกกำลังกาย ที่มีโอกาสทรุดโทรมได้จากการนั่งนิ่งๆเป็นเวลานาน
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นปัญหากับเกมแน่ชัด ว่ามันนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับเกมได้อย่างไร เอาเป็นว่า ในเวลานี้ อย่าลืมให้ลูกๆของคุณเล่นเกมจำกัดเฉพาะอายุตนเองกันด้วยนะ
แหล่งอ้างอิง https://www.webmd.com/mental-health/addiction/video-game-addiction ของ Melinda Ratini, DO, MS